คู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่อง (User Guide)IM 350/430 series

การระบุฟังก์ชั่นความปลอดภัยเสริม

นอกจากระบบความปลอดภัยเบื้องต้นที่มีให้ผ่านทางระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้ และขีดจำกัดในการเข้าถึงเครื่องของผู้ดูแลระบบแต่ละรายตามที่กำหนดไว้แล้ว คุณยังสามารถเพิ่มความปลอดภัยโดยการเข้ารหัสข้อมูลที่รับส่งและข้อมูลใน Address Book ได้อีกด้วย

1ล็อกอินจากแผงควบคุมในฐานะผู้ดูแลระบบพร้อมสิทธิ์การใช้งาน

สำหรับวิธีการล็อกอิน โปรดดูที่วิธีการล็อกอินของผู้ดูแลระบบ

2กด [System Settings]

3กด [Administrator Tools]

4กด [Down arrow keyNext] สองครั้ง

5กดปุ่ม [Extended Security]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

6กดการตั้งค่าที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแล้วทำการแก้ไขการตั้งค่าดังกล่าว

สิทธิ์ในการดำเนินการขอผู้ดูแลระบบจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตั้งค่า

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

7กด [OK]

8ล็อกเอาต์ออกจากระบบ

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการล็อกเอาต์ได้ที่วิธีการล็อกเอาต์ของผู้ดูแลระบบ

ต่อไปนี้เป็นรายการที่คุณสามารถแก้ไขในขั้นตอนที่ 6 หากรายการนี้ไม่ปรากฏขึ้น ให้กด [Down arrow keyNext]

คีย์สำหรับการเข้ารหัสของไดรเวอร์

ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

[Driver Encryption Key] จะปรากฏขึ้นหากใช้งานการตรวจรับรองพื้นฐาน การตรวจรับรองจาก Windows หรือการตรวจรับรอง LDAP

กำหนดชุดข้อความเพื่อถอดรหัสผ่านสำหรับล็อกอินหรือรหัสผ่านสำหรับไฟล์ที่ส่งมาจากไดรเวอร์กรณีที่มีการตั้งค่าระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้เป็น ON

หากต้องการกำหนดคีย์เข้ารหัสสำหรับไดรเวอร์ โปรดลงทะเบียนคีย์เข้ารหัสไว้ในเครื่อง

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่ การระบุ Driver Encryption Key

Driver Encryption Key:Encryption Strength

ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

กำหนดความแข็งแรงของการเข้ารหัสสำหรับการส่งงานจากไดรเวอร์ไปยังเครื่อง

เครื่องจะตรวจสอบความแข็งแรงของการเข้ารหัสผ่านที่ต่อท้ายมากับงาน แล้วทำการประมวลผล

หากระบุเป็น [Simple Encryption] ระบบจะยอมรับงานทั้งหมดที่ตรวจสอบยืนยันโดยระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้

หากระบุเป็น [DES] ระบบจะยอมรับงานที่มีการเข้ารหัสด้วย DES หรือ AES

หากระบุเป็น [AES] ระบบจะยอมรับงานที่มีการเข้ารหัสด้วย AES

หากคุณเลือก [AES] หรือ [DES] โปรดตั้งค่าการเข้ารหัสโดยใช้ไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์ โปรดดูวิธีใช้ไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์

ค่าเริ่มต้น: [Simple Encryption]

Restrict Display of User Information

ผู้ดูแลระบบเครื่องสามารถกำหนดฟังก์ชันนี้ได้ในกรณีที่มีการกำหนดระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้

[Restrict Display of User Information] จะปรากฏขึ้นหากใช้การตรวจรับรองพื้นฐาน การตรวจรับรองจาก Windows หรือการตรวจรับรอง LDAP

เมื่อมีการตรวจสอบประวัติงานผ่านการเชื่อมต่อบนเครือข่ายโดยที่ไม่มีการยืนยันตัวตน ข้อมูลส่วนตัวจะถูกแสดงเป็น "********" ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้รายหนึ่งที่ไม่มีสิทธิ์การใช้งานในฐานะผู้ดูแลระบบเข้ามาทำการตรวจสอบประวัติงานโดยใช้ SNMP ใน Web Image Monitor ที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครือข่าย ระบบจะแสดงข้อมูลส่วนตัวเป็น "********" เพื่อมิให้สามารถระบุตัวผู้ใช้งานรายอื่น ๆ ได้ (Web Image Monitor เป็นเครื่องมือสำหรับติดตามการทำงานของเครื่อง หรือตั้งค่าต่างๆ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์) ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจะถูกกันมิให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ที่ลงทะเบียนเอาไว้ เนื่องจากจะไม่สามารถดูข้อมูลระบุตัวตนของผู้ใช้ที่ลงทะเบียนอยู่ได้

ค่าตั้งต้น: [Off]

Enhance File Protection

ผู้ดูแลระบบไฟล์จะสามารถกำหนดค่านี้ได้

โดยการกำหนดรหัสผ่าน ผู้ดูแลระบบไฟล์จะสามารถจำกัดการดำเนินการต่างๆ ได้ เช่น การพิมพ์งาน การลบ และการส่งไฟล์ นอกจากนี้ผู้ดูแลระบบไฟล์ยังสามารถป้องกันมิให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงไฟล์ได้อีกด้วย แต่คุณยังสามารถป้องกันรหัสผ่านมิให้ถูกแคร็กได้

โดยการระบุ "Enhance File Protection" ระบบจะทำการล็อกไฟล์และจะไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ได้หากป้อนรหัสผ่านไม่ถูกต้องเกินกว่าสิบครั้ง ซึ่งสามารถปกป้องไฟล์จากการพยายามเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยการใช้รหัสผ่านแบบสุ่ม

หากมีการเปิดใช้ฟังก์ชัน Enhance File Protection จะปรากฏไอคอน lock ที่ด้านล่างขวาของหน้าจอ

ไฟล์ที่ถูกล็อกอยู่จะสามารถปลดล็อกได้โดยผู้ดูแลระบบไฟล์เท่านั้น

หากไฟล์ถูกล็อก คุณจะไม่สามารถเลือกไฟล์เหล่านั้นได้แม้ว่าจะป้อนรหัสผ่านได้อย่างถูกต้องก็ตาม

ค่าตั้งต้น: [Off]

Restrict Use of Destinations (Fax), Restrict Use of Destinations (Scanner)

ผู้ดูแลระบบผู้ใช้จะสามารถกำหนดค่านี้ได้

ปลายทางของแฟกซ์และสแกนเนอร์จะจำกัดเฉพาะปลายทางที่ลงทะเบียนอยู่ใน Address Book เท่านั้น

ผู้ใช้จะไม่สามารถใส่ปลายทางสำหรับการรับส่งข้อมูลได้

หากกำหนดค่า "Restrict Use of Destinations (Scanner)" ให้เป็น [On] คุณจะสามารถทำได้เพียงการลงทะเบียนหมายเลขแฟกซ์เท่านั้น

หากคุณตั้งค่าให้รับอีเมลผ่านทาง SMTP คุณจะไม่สามารถใช้ "Restrict Use of Destinations (Fax)" และ "Restrict Use of Destinations (Scanner)"

คุณสามารถใช้ระบบค้นหาปลายทางโดย "LDAP Search"

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่ รายการแสดงการจำกัดการใช้งานปลายทาง (Restricting Usage of the Destination)

ค่าตั้งต้น: [Off]

Restrict Adding of User Destinations (Fax), Restrict Adding of User Destinations (Scanner)

ผู้ดูแลระบบผู้ใช้จะสามารถกำหนดค่านี้ได้

หากคุณตั้งค่า "Restrict Adding of User Destinations (Fax)" และ/หรือ "Restrict Adding of User Destinations (Scanner)" ให้เป็น [Off] ผู้ใช้จะสามารถลงทะเบียนปลายทางสำหรับแฟกซ์หรือสแกนเนอร์ไว้ใน Address Book ได้อย่างง่ายดายโดยการป้อนปลายทางดังกล่าว แล้วกดปุ่ม [Prg. Dest. ] หากคุณตั้งค่าให้ฟังก์ชันเหล่านี้เป็น [On] ระบบจะไม่แสดง [Prg. Dest. ] แต่ผู้ใช้ยังสามารถใส่ปลายทางได้โดยตรงโดยใช้หน้าจอแฟกซ์หรือสแกนเนอร์ ในกรณีที่เขาไม่สามารถลงทะเบียนปลายทางดังกล่าวลงใน Address Book ด้วยการกดปุ่ม [Prg. Dest. ]

นอกจากนี้โปรดทราบว่า แม้ว่าคุณได้ตั้งค่าฟังก์ชันเหล่านี้ให้เป็น [On] ก็ตาม ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนอยู่ใน Address Book จะสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขรหัสผ่านของตนเองได้ เฉพาะผู้ดูแลระบบผู้ใช้เท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากรัหสผ่านได้

ค่าตั้งต้น: [Off]

Transfer to Fax Receiver

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

หากคุณใช้ [Forwarding] หรือ [Transfer Box] ภายใต้ฟังก์ชันแฟกซ์ ระบบจะสามารถส่งไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในเครื่องได้

หากต้องการป้องกันมิให้มีการส่งไฟล์ที่จัดเก็บไว้ออกไปโดยไม่ตั้งใจ โปรดเลือก [Prohibit] เพื่อตั้งค่านี้

ค่าเริ่มต้น: [Do not Prohibit]

หากคุณเลือก [Prohibit] ในการตั้งค่านี้ ฟังก์ชันดังต่อไปนี้จะถูกปิดใช้งาน:

  • Forwarding

  • Transfer Box

  • Delivery from Personal Box

  • Information Box

  • Delivery of Mail Received via SMTP

  • Routing Received Documents

สำหรับรายละเอียด โปรดดู "ฟังก์ชันรับข้อมูล", แฟกซ์

Authenticate Current Job

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

[Authenticate Current Job] จะปรากฏขึ้นหากใช้การตรวจรับรองแบบพื้นฐาน การตรวจรับรองของ Windows หรือการตรวจรับรอง LDAP

การตั้งค่านี้ช่วยให้คุณสามารถระบุได้ว่าจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนหรือไม่ก่อนดำเนินการต่างๆ เช่น การยกเลิกงาน ภายใต้ฟังก์ชันของเครื่องถ่ายเอกสารหรือเครื่องพิมพ์

หากคุณเลือก [Login Privilege] ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตและผู็ดูแลระบบเครื่องจะสามารถใช้เครื่องได้ หากเลือกฟังก์ชันนี้ จะไม่จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ที่ล็อกอินเครื่องก่อนที่จะเลือก [Login Privilege]

หากกำหนด [Access Privilege] ผู้ใช้ทุกรายที่ทำการถ่ายเอกสารหรือพิมพ์งานจะสามารถยกเลิกงานดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถยกเลิกการถ่ายเอกสารหรืองานพิมพ์ของผู้ใช้ได้ด้วย

แม้ว่าคุณจะเลือก [Login Privilege] และล็อกอินเครื่อง คุณจะไม่สามารถยกเลิกการถ่ายเอกสารหรือพิมพ์งานที่กำลังดำเนินการอยู่ได้หากคุณไม่มีสิทธิ์ใช้ฟังก์ชันถ่ายเอกสารหรือเครื่องพิมพ์

คุณจะสามารถกำหนด "Authenticate Current Job" ได้เฉพาะเมื่อมีการกำหนด "User Authentication Management" เท่านั้น

ค่าตั้งต้น: [Off]

@Remote Service

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

Communication via HTTPS for RICOH @Remote Service จะถูกปิดใช้งานหากคุณเลือก [Prohibit]

หากตั้งค่าเป็น [Prohibit] โปรดปรึกษาตัวแทนผู้ให้บริการของคุณ

หากตั้งค่าเป็น [Proh. Some Services] คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขการตั้งค่าโดยผ่านการเชื่อมต่อจากระยะไกลได้ เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้เหมาะสมที่สุด

ค่าเริ่มต้น: [Do not Prohibit]

Update Firmware

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

การตั้งค่านี้เพื่อกำหนดว่าต้องการอนุญาตให้มีการดอัพเดตเฟิร์มแวร์บนเครื่องหรือไม่ ตัวแทนผู้ให้บริการจะเป็นผู้อัพเดตเฟิร์มแวร์ หรือจะอัพเดตเฟิร์มแวร์โดยผ่านทางเครือข่าย

หากคุณเลือก [Prohibit] ระบบจะไม่สามารถทำการอัพเดตเฟิร์มแวร์ของเครื่องได้

หากคุณเลือก [Do not Prohibit] จะไม่มีข้อจำกัดในการอัพเดตเฟิร์มแวร์แต่อย่างใด

ค่าเริ่มต้น: [Do not Prohibit]

Change Firmware Structure

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

การตั้งค่านี้เพื่อระบุว่าต้องการป้องกันมิให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างเฟิร์มแวร์ของเครื่องหรือไม่ ฟังก์ชัน Change Firmware Structure จะทำหน้าที่ตรวจจับสถานะของเครื่องเมื่อมีการเสียบ ถอด หรือเปลี่ยน SD การ์ด

หากคุณเลือก [Prohibit] เครื่องจะหยุดขณะเริ่มทำงานในกรณีที่ตรวจพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างเฟิร์มแวร์ แล้วจะแสดงข้อความแจ้งให้ผู้ดูแลระบบทำการล็อกอิน หลังจากที่ผู้ดูแลระบบเครื่องทำการล็อกอินแล้ว เครื่องจะเริ่มการทำงานพร้อมด้วยเฟิร์มแวร์ที่ได้รับการอัพเดตเรียบร้อยแล้ว

ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบได้ว่าการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างที่ได้รับการอัพเดตแล้วนั้นได้รับอนุญาตหรือไม่ โดยตรวจสอบจากเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์ที่แสดงอยู่บนหน้าจอแผงควบคุม หากเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างเฟิร์มแวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต โปรดติดต่อตัวแทนผู้ให้บริการของคุณก่อนทำการล็อกอิน

เมื่อตั้งค่า "Change Firmware Structure" ให้เป็น [Prohibit] จะต้องเปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนของผู้ดูแลระบบด้วย

หลังจากกำหนดเป็น [Prohibit] แล้ว โปรดปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนของผู้ดูแลระบบ เมื่อเปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนของผู้ดูแลระบบใหม่อีกครั้ง คุณจะสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าให้เป็น [Do not Prohibit] ได้

หากคุณเลือก [Do not Prohibit] ระบบตรวจจับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างเฟิร์มแวร์จะถูกปิดใช้งาน

ค่าเริ่มต้น: [Do not Prohibit]

Password Policy

ผู้ดูแลระบบผู้ใช้จะสามารถกำหนดค่านี้ได้

[Password Policy] จะปรากฏขึ้นหากคุณใช้การตรวจรับรองพื้นฐาน การตรวจรับรองของ Windows หรือการตรวจรับรอง LDAP

การตั้งค่านี้ช่วยให้คุณสามารถกำหนด [Complexity Setting] และ [Minimum Character No. ] สำหรับรหัสผ่าน โดยการตั้งค่านี้ คุณจะสามารถใช้ได้เฉพาะรหัสผ่านที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน "Complexity Setting" และ "Minimum Character No. "

หากคุณเลือก [Level 1] โปรดกำหนดรหัสผ่านโดยใช้อักขระ 2 ประเภทผสมกันของตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก เลขทศนิยม และสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น # เป็นต้น

หากคุณเลือก [Level 2] โปรดกำหนดรหัสผ่านโดยใช้อักขะ 3 ประเภทผสมกันของตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก เลขทศนิยม และสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น # เป็นต้น

ค่าเริ่มต้น: [Off] ไม่จำกัดจำนวนอักขระและไม่มีการระบุประเภทของอักขระ

Settings by SNMPv1 and v2

ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

หากมีการใช้โปรโตคอล SNMPv1 หรือ SNMPv2 เพื่อเข้าถึงเครื่อง จะไม่สามารถใช้ระบบยืนยันตัวตนได้เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขการตั้งค่ากระดาษหรือการตั้งค่าอื่นที่ผู้ดูแลระบบเครื่องกำหนด หากคุณเลือก [Prohibit] จะสามารถดูการตั้งค่าได้แต่ไม่สามารถกำหนดได้ด้วย SNMPv1, v2

ค่าเริ่มต้น: [Do not Prohibit]

Security Setting for Access Violation

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

ขณะล็อกอินเครื่องผ่านทางแอพพลิเคชันบนเครือข่าย อาจเกิดการทำงานผิดพลาดทำให้ผู้ใช้ถูกล็อก โดยที่จำนวนครั้งในการยืนยันตัวตนของผู็ใช้นั้นไม่ตรงกับจำนวนครั้งที่เครื่องกำหนดไว้

ตัวอย่างเช่น ระบบอาจปฏิเสธการเข้าถึงหากมีการพิมพ์หน้าซึ่งแอพพลิเคชันส่งมาจำนวนหลายๆ ชุด

หากคุณเลือก [On] ภายใต้ "Security Setting for Access Violation" คุณจะสามารถป้องกันความผิดพลาดของระบบยืนยันตัวตนได้

  • On

    • Denial Durtn. for Accs. Viol.

      กำหนดจำนวนครั้งที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง

      โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "0" ถึง "60" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

      ค่าเริ่มต้น: [15]

    • Managed User Host Limit

      กำหนดจำนวนบัญชีผู้ใช้ที่สามารถจัดการได้ ภายใต้ "Security Setting for Access Violation"

      โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "50" ถึง "200" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

      ค่าเริ่มต้น: [200]

    • Password Entry Host Limit

      กำหนดจำนวนรหัสผ่านที่สามารถจัดการได้ ภายใต้ "Security Setting for Access Violation"

      โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "50" ถึง "200" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

      ค่าเริ่มต้น: [200]

    • Status Monitor Interval

      กำหนดระยะเวลาในการคอยติดตาม "Managed User Host Limit" และ "Password Entry Host Limit"

      โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "1" และ "10" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

      ค่าเริ่มต้น: [3]

  • Off

ค่าตั้งต้น: [Off]

Password Entry Violation

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

หากจำนวนครั้งในการขอยืนยันตัวตนเกินกว่าที่กำหนดไว้ในการตั้งค่า ระบบจะจดจำการเข้าถึงนั้นว่าเป็นการโจมตีรหัสผ่าน การเข้าถึงครั้งนั้นจะถูกเก็บไว้ในรายการลงบันทึกการเข้าถึง (Access Log) และจะส่งข้อมูลลงบันทึกนั้นไปยังผู้ดูแลระบบเครื่องโดยทางอีเมล

หากมีการตั้งค่า "Max. Allowed No. of Access" ให้เป็น [0] ระบบจะไม่ตรวจจับการโจมตีรหัสผ่าน

  • Max. Allowed No. of Access

    กำหนดจำนวนครั้งสูงสุดที่อนนุญาตให้มีการยืนยันตัวตนได้

    โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "0" ถึง "100" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

    ค่าเริ่มต้น: [30]

  • Measurement Time

    กำหนดช่วงเวลาระหว่างการพยายามยืนยันตัวตนซ้ำๆ ซึ่งส่งผลให้การยืนยันตัวตนไม่เป็นผลสำเร็จ เมื่อเกินตามเวลาที่กำหนดใน measurement time ระเบียนข้อมูลการพยายามยืนยันตัวตนก็จะถูกล้าง

    โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "1" และ "10" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

    ค่าเริ่มต้น: [5]

หมายเหตุ

  • คุณสามารถรับอีเมลการตรวจจับการละเมิดได้บ่อยๆ ขึ้นอยู่กับค่าที่กำหนดใน [Max. Allowed No. of Access] และ [Measurement Time]

  • หากคุณได้รับอีเมลการตรวจจับการละเมิดบ่อยครั้ง โปรดตรวจสอบเนื้อหาและการตั้งค่า

Device Access Violation

ผู้ดูแลระบบเครื่องจะสามารถกำหนดค่านี้ได้

หากจำนวนครั้งในการขอล็อกอินเกินกว่าที่กำหนดไว้ในการตั้งค่า ระบบจะจดจำการเข้าถึงนั้นว่าเป็นการละเมิดการเข้าถึง การเข้าถึงครั้งนั้นจะถูกเก็บไว้ในรายการลงบันทึกการเข้าถึง (Access Log) และจะส่งข้อมูลลงบันทึกนั้นไปยังผู้ดูแลระบบเครื่องโดยทางอีเมล รวมทั้งข้อความจะปรากฏที่แผงควบคุมและที่ Web Image Monitor ที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครือข่าย (Web Image Monitor เป็นเครื่องมือสำหรับติดตามการทำงานของเครื่อง หรือตั้งค่าต่างๆ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์)

หากมีการตั้งค่า "Max. Allowed No. of Access" ให้เป็น [0] ระบบจะไม่ตรวจจับการละเมิดการเข้าถึง

ใน "Authentication Delay Time" คุณสามารถกำหนดหน่วงเวลาตอบกลับสำหรับการขอล็อกอินได้ เพื่อป้องกันมิให้ระบบไร้การตอบสนองเมื่อมีการตรวจพบการละเมิดการเข้าถึง

ใน "Simultns. Access Host Limit" คุณสามารถกำหนดจำนวนโฮสต์สูงสุดที่เข้าถึงเครื่องได้พร้อมกัน หากจำนวนการเข้าถึงพร้อมกันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในการตั้งค่า ระบบคอยติดตามจะไร้การตอบสนอง และสถานะของงระบบคอยติดตามของเครื่องจะถูกจัดเก็บรายการลงบันทึก

  • Max. Allowed No. of Access

    กำหนดจำนวนครั้งสูงสุดที่อนุญาตให้พยายามเข้าถึง

    โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "0" ถึง "500" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

    ค่าเริ่มต้น: [100]

  • Measurement Time

    กำหนดช่วงเวลาระหว่างการเข้าถึงเกินกว่าหนึ่งครั้ง เมื่อเกินเวลาที่กำหนด ระบบจะล้างระเบียนการเข้าถึงที่เกินจำนวนครั้งดังกล่าว

    โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "10" ถึง "30" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

    ค่าเริ่มต้น: [10]

  • Authentication Delay Time

    กำหนดเวลาความล่าช้าในการยืนยันตัวตนขณะตรวจพบการละเมิดการเข้าถึง

    โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "0" ถึง "9" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

    ค่าเริ่มต้น: [3]

  • Simultns Access Host Limit

    กำหนดจำนวนครั้งในการพยายามยืนยันตัวตนที่สามารถยอมรับได้ขณะมีความล่าช้าในการยืนยันตัวตนเนื่องจากการละเมิดการเข้าถึง

    โปรดใช้ปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนดค่าระหว่าง "50" ถึง "200" จากนั้นกดปุ่ม [Hash]

    ค่าเริ่มต้น: [200]

หมายเหตุ

  • คุณสามารถรับอีเมลการตรวจจับการละเมิดได้บ่อยๆ ขึ้นอยู่กับค่าที่กำหนดใน [Max. Allowed No. of Access] และ [Measurement Time]

  • หากคุณได้รับอีเมลการตรวจจับการละเมิดบ่อยครั้ง โปรดตรวจสอบเนื้อหาและการตั้งค่า