การเตรียมเซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้
เมื่อใช้การยืนยันตัวตนผ่าน Windows หรือ LDAP เป็นวิธีการยืนยันตัวตนผู้ใช้เป็นครั้งแรก ให้ตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ตรงตามข้อกำหนดสำหรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้หรือไม่ และกำหนดการตั้งค่าที่ต้องการ
วิธีการยืนยันตัวตนผ่าน Windows
เตรียมเซิร์ฟเวอร์ดังต่อไปนี้:
ตรวจสอบข้อกำหนดของการยืนยันตัวตนผ่าน Windows
ติดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ (IIS) และ "Active Directory Certificate Service" ในเซิร์ฟเวอร์
สร้างใบรับรองเซิร์ฟเวอร์
ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสร้างใบรับรองเซิร์ฟเวอร์เพื่อส่งข้อมูลผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้ารหัส
วิธีการยืนยันตัวตนผ่าน LDAP
ตรวจสอบข้อกำหนดของการยืนยันตัวตนผ่าน LDAP และกำหนดการตั้งค่าตามเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งาน
ข้อกำหนดของการรับรองความถูกต้องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้
รายการ | คำอธิบาย |
|---|---|
OS ที่สามารถใช้งานได้ | Windows Server 2008/2008 R2/2012/2012 R2/2016/2019
|
วิธีการกำหนดสิทธิ์ | รองรับวิธีการยืนยันตัวตนต่อไปนี้:
ในการระบุการยืนยันตัวตนผ่าน Kerberos เซิร์ฟเวอร์ที่ยืนยันตัวตนผู้ใช้ต้องรองรับการยืนยันตัวตนผ่าน Kerberos หากเซิร์ฟเวอร์ไม่รองรับการยืนยันตัวตนนี้ การยืนยันตัวตนผ่าน NTLM จะถูกเลือกโดยอัตโนมัติ |
ข้อกำหนดสำหรับการยืนยันตัวตน |
|

เซิร์ฟเวอร์สามารถยืนยันผู้ใช้ที่ถูกจัดการในโดเมนอื่นได้ แต่ไม่สามารถรับข้อมูล เช่น อีเมลแอดเดรส ได้
เมื่อเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนผ่าน Kerberos จะไม่สามารถรับอีเมลแอดเดรสได้หากมีการระบุ SSL/TLS
แม้ว่าจะแก้ไขข้อมูลของผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยัน เช่น อีเมลแอดเดรส ใน Address Book ของเครื่อง แต่ข้อมูลอาจจะถูกเขียนทับโดยข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์เมื่อทำการยืนยันตัวตน
หากสร้างผู้ใช้รายใหม่ในตัวควบคุมโดเมนและเลือก "User must change password at next logon" ในการกำหนดค่ารหัสผ่าน ควรเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเปลี่ยนรหัสผ่านก่อนใช้งาน
หากบัญชี "Guest" บนเซิร์ฟเวอร์ Windows มีการเปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนอยู่ในตัวควบคุมโดเมนจะได้รับการยืนยันตัวตนด้วย เมื่อบัญชีนี้เปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้จะถูกบันทึกใน Address Book และสามารถใช้ฟังก์ชันต่างๆ ที่มีอยู่ใน "[*Default Group]" ได้
รายการ | คำอธิบาย |
|---|---|
เวอร์ชันที่สามารถใช้งานได้ | LDAP เวอร์ชัน 2.0/3.0 |
วิธีการกำหนดสิทธิ์ |
เมื่อเลือกการยืนยันตัวตนผ่าน Cleartext การยืนยันตัวตนอย่างง่ายผ่าน LDAP จะถูกเปิดใช้งาน การยืนยันตัวตนอย่างง่ายสามารถทำได้โดยใช้แอตทริบิวต์ของผู้ใช้ (เช่น cn หรือ uid) แทนการใช้ DN |
ข้อกำหนดสำหรับการยืนยันตัวตน |
|
หมายเหตุกรณีเซิร์ฟเวอร์ LDAP ถูกกำหนดค่าโดยใช้ Active Directory
เมื่อมีการเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนผ่าน Kerberos พร้อมกับ SSL/TLS จะไม่สามารถรับอีเมลแอดเดรสได้
อาจสามารถใช้การยืนยันตัวตนแบบไม่ระบุตัวตนได้ หากต้องการปรับปรุงความปลอดภัย ให้ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบไม่ระบุตัวตนเป็น Disable

แม้ว่าจะแก้ไขข้อมูลของผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยัน เช่น อีเมลแอดเดรส ใน Address Book ของเครื่อง แต่ข้อมูลอาจจะถูกเขียนทับโดยข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์เมื่อทำการยืนยันตัวตน
ในระบบยืนยันตัวตนผ่าน LDAP จะไม่สามารถกำหนดขีดจำกัดการเข้าถึงให้กับกลุ่มที่ลงทะเบียนไว้ในเซิร์ฟเวอร์ได้
เมื่อใช้เครื่องเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถใช้ "ฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้" ที่ระบุใน [การจัดการการตรวจสอบความถูกต้องของผู้ใช้] ได้
ในการระบุ "ฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้" สำหรับผู้ใช้แต่ละราย ให้ลงทะเบียนผู้ใช้พร้อมกับ "ฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้" ใน Address Book หรือระบุฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้ในผู้ใช้ที่ถูกบันทึกโดยอัตโนมัติใน Address Book
การติดตั้ง Web Server (IIS) และ "Active Directory Certificate Service"
ติดตั้งบริการที่จำเป็นในเซิร์ฟเวอร์ Windows เพื่อรับข้อมูลผู้ใช้ที่ถูกบันทึกใน Active Directory โดยอัตโนมัติ
Windows Server 2012/2012 R2/2016/2019
บนเมนู [Start] คลิก [Server Manager]
บนเมนู [Manage] คลิก [Add Roles and Features]
คลิก [Next]
เลือก [Role-based or feature-based installation] จากนั้นคลิก [Next]
เลือกเซิร์ฟเวอร์
เลือกกล่อง [Active Directory Certificate Service] และ [Web Server (IIS)] จากนั้นคลิก [Next]
หากข้อความยืนยันแสดงขึ้น ให้คลิก [Add Features]
เลือกคุณลักษณะที่ต้องการติดตั้ง จากนั้นคลิก [Next]
อ่านข้อความที่แสดงขึ้น จากนั้นคลิก [Next]
ตรวจสอบว่าได้เลือก [Certification Authority] ในพื้นที่ [Role Services] ของ [Active Directory Certificate Services] แล้ว จากนั้นคลิก [Next]
อ่านข้อความที่แสดงขึ้น จากนั้นคลิก [Next]
เมื่อใช้ Windows Server 2016 ให้ไปที่ขั้นตอน 12 หลังจากอ่านข้อความที่แสดงขึ้นแล้ว
เลือกบริการที่ต้องการติดตั้งใน [Web Server (IIS)] จากนั้นคลิก [Next]
คลิก [Install]
หลังจากเสร็จสิ้นการติดตั้งแล้ว ให้คลิกไอคอนแจ้งเตือนของตัวจัดการเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นคลิก [Configure Active Directory Certificate Service on the destination server]
คลิก [Next]
ตรวจสอบ [Certification Authority] ใน [Role Services] จากนั้นคลิก [Next]
เลือก [Enterprise CA] จากนั้นคลิก [Next]
เลือก [Root CA] จากนั้นคลิก [Next]
เลือก [Create a new private key] จากนั้นคลิก [Next]
เลือกตัวเข้ารหัสลับ ความยาวคีย์ และอัลกอริทึมการแฮช เพื่อสร้างคีย์ส่วนตัวขึ้นมาใหม่ จากนั้นคลิก [Next]
ใน "Common name for this CA:" ให้ป้อนชื่อผู้ให้บริการออกใบรับรอง (Certificate Authority) จากนั้นคลิก [Next]
เลือกระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ จากนั้นคลิก [Next]
ห้ามเปลี่ยนแปลง "Certificate database location:" และ "Certificate database log location:" จากนั้นคลิก [Next]
คลิก [Configure]
หากข้อความ "Configuration succeeded" แสดงขึ้นมา ให้คลิก [Close]
Windows Server 2008 R2
บนเมนู "Start" ให้ชี้ไปที่ "Administrative Tools" จากนั้นเริ่มตัวจัดการเซิร์ฟเวอร์
คลิก [Roles] ในคอลัมน์ด้านซ้าย แล้วคลิก [Add Roles] จากเมนู "Action"
คลิก [Next]
เลือกกล่อง "Web Server (IIS)" และ "Active Directory Certificate Services" จากนั้นคลิก [Next]
หากข้อความยืนยันแสดงขึ้น ให้คลิก [Add Features]
อ่านข้อความที่แสดงขึ้น จากนั้นคลิก [Next]
เลือก "Certification Authority" จากนั้นคลิก [Next]
เลือก "Enterprise" จากนั้นคลิก [Next]
เลือก "Root CA" จากนั้นคลิก [Next]
เลือก "Create a new private key" จากนั้นคลิก [Next]
เลือกตัวเข้ารหัสลับ ความยาวของคีย์ และอัลกอริทึมการแฮช เพื่อสร้างคีย์ส่วนตัวขึ้นมาใหม่ จากนั้นคลิก [Next]
ใน "Common name for this CA:" ให้ป้อนชื่อผู้ให้บริการออกใบรับรอง (Certificate Authority) จากนั้นคลิก [Next]
เลือกระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ จากนั้นคลิก [Next]
ห้ามเปลี่ยนแปลง "Certificate database location:" และ "Certificate database log location:" จากนั้นคลิก [Next]
อ่านหมายเหตุ จากนั้นคลิก [Next]
เลือกบริการเพื่อติดตั้ง จากนั้นคลิก [Next]
คลิก [Install]
การติดตั้งคุณลักษณะเพิ่มเติมจะเริ่มต้นขึ้น
การสร้างใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ (Server Certificate)
ในการเข้ารหัสข้อมูลผู้ใช้ ให้สร้างใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ในเซิร์ฟเวอร์ Windows ขั้นตอนด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของ Windows Server 2016
บนเมนู [Start] ให้คลิก [All Applications] จากนั้นคลิก [Internet Information Service (IIS) Manager] ของ [Administrative Tools]
ทางคอลัมน์ด้านซ้าย ให้คลิก [Server Name] จากนั้นดับเบิลคลิกที่ [Server Certificate]
ในคอลัมน์ด้านขวา คลิก [Create Certificate Request...]
ป้อนข้อมูลทั้งหมด จากนั้นคลิก [Next]
ใน "Cryptographic service provider:" ให้เลือกผู้ให้บริการ จากนั้นคลิก [Next]
คลิก [...] จากนั้นกำหนดชื่อไฟล์สำหรับขอใบรับรอง
กำหนดตำแหน่งที่ต้องการเก็บบันทึกไฟล์ จากนั้นคลิก [Open]
คลิก [Finish]