คู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่อง (User Guide)P 800/801

การยืนยันตัวตนผู้ใช้งานเครื่อง (User Authentication)

"User Authentication" เป็นระบบการยืนยันตัวตนที่มอบสิทธิ์ในการใช้งานเครื่องแก่ผู้ใช้ โดยผู้ใช้จำเป็นต้องป้อนข้อมูลต่างๆ เช่น ชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่าน เพื่อยืนยันตัวตนและใช้งานเครื่อง

ภาพประกอบการยืนยันตัวตนผู้ใช้งานเครื่อง (User Authentication)
  • การยืนยันตัวตนผู้ใช้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตใช้งานเครื่อง รวมถึงมีประโยชน์ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน ระยะเวลา และความถี่การใช้งานของผู้ใช้

    "การยืนยันตัวนับ (Counter) สำหรับผู้ใช้แต่ละราย", คู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่อง (ฉบับเต็ม) ภาษาอังกฤษ

วิธีการยืนยันตัวตนผู้ใช้

วิธีการยืนยันตัวตนผู้ใช้มีทั้งหมด 4 ประเภท ตัวอย่างเช่น รวมถึงวิธีการยืนยันตัวตนแบบพื้นฐาน (Basic Authentication) ซึ่งเป็นการยืนยันตัวตนผ่านเซิร์ฟเวอร์บนเครือข่าย โดยสามารถเลือกวิธีการยืนยันตัวตนที่เหมาะสมกับการใช้งานหรือจำนวนผู้ใช้ได้

วิธีการยืนยันตัวตนผู้ใช้

คำอธิบาย

User Code authentication

การยืนยันตัวตนด้วย User Code 8 หลัก

โดยเครื่องจะแจ้งให้ป้อน User Code เพื่อใช้งานเครื่อง

ทั้งนี้ ผู้ใช้หลายคนสามารถใช้ User Code ร่วมกันได้

Basic authentication

การยืนยันตัวตนด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่บันทึกไว้ใน Address Book ของเครื่อง

เครื่องจะแจ้งให้ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อใช้งานเครื่อง

Windows authentication

การยืนยันตัวตนด้วยบัญชีที่บันทึกไว้ใน Active Directory ของเซิร์ฟเวอร์ Windows

เครื่องจะแจ้งให้ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อใช้งานเครื่อง

LDAP authentication

การยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลผู้ใช้ที่บันทึกไว้ในเซิร์ฟเวอร์ LDAP

เครื่องจะแจ้งให้ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อใช้งานเครื่อง

  • ในการยืนยันตัวตนผ่าน Windows หรือ LDAP สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องบันทึกข้อมูลผู้ใช้ใน Address Book ของเครื่อง เนื่องจากเครื่องจะบันทึกข้อมูลผู้ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ไว้โดยอัตโนมัติ

  • ในการยืนยันตัวตนผ่าน Windows หรือ LDAP ผู้ใช้จะสามารถจัดการข้อมูลผู้ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ได้ และยังสามารถใช้อีเมลแอดเดรสที่ได้รับจากเซิร์ฟเวอร์เป็นผู้ส่ง (From) อีเมลที่ส่งมาจากเครื่องได้อีกด้วย โดยคุณลักษณะเหล่านี้ เป็นประโยชน์ในการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลจากการป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือการปลอมแปลงโดยผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาต

  • เมื่อเปลี่ยนวิธีการยืนยันตัวตนจากการยืนยันตัวตนด้วย User Code ไปเป็นวิธีการอื่น User Code ดังกล่าวจะถูกใช้เป็นชื่อผู้ใช้ ในกรณีนี้จะไม่มีการระบุรหัสผ่าน เพื่อป้องกันการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ลบข้อมูลผู้ใช้ที่ไม่จำเป็น และตั้งรหัสผ่านสำหรับผู้ใช้งานปัจจุบัน

หมายเหตุ

  • หากไม่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้ได้เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับเครื่องหรือเครือข่าย ผู้ดูแลระบบเครื่องสามารถปิดใช้งานการยืนยันตัวตนผู้ใช้ชั่วคราวเพื่อให้ใช้งานเครื่องได้ โดยให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

การตั้งค่า User Code Authentication

ใช้ Web Image Monitor และระบุฟังก์ชันเพื่อจำกัดการใช้งาน

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครื่องจาก Web Image Monitor

2คลิก [Configuration] จากเมนู [Device Management]

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

3คลิก [User Authentication Management] ในหมวดหมู่ "Device Settings"

4เลือก [User Code] ใน "User Authentication Management"

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

5ระบุฟังก์ชันที่ต้องการจำกัดการใช้งาน

  • Printer Job Authentication

    เลือกระดับความปลอดภัยสำหรับงานพิมพ์โดยใช้ไดรฟ์เวอร์เครื่องพิมพ์

    การพิมพ์งานด้วยข้อมูลการยืนยันตัวตนเท่านั้น

  • Functions to Restrict

    ระบุว่าจะดำเนินการยืนยันตัวตน User Code หรือไม่

    ขณะลงทะเบียน User Code ของไดรฟ์เวอร์เครื่องพิมพ์โดยอัตโนมัติ ให้เลือก [PC Control] ระบุ User Code ไปยังไดรฟ์เวอร์เครื่องพิมพ์

    เมื่อเลือก [PC Control] User Code ที่ระบุในไดรฟ์เวอร์เครื่องพิมพ์จะถูกบันทึกใน Address Book โดยอัตโนมัติ และจะไม่รวมอยู่ในการจำกัดปริมาณการพิมพ์ หากต้องการจำกัดปริมาณการพิมพ์ ให้เลือก [Black & White]

    "การระบุการใช้ปริมาณการพิมพ์สูงสุดของผู้ใช้แต่ละราย", คู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่อง (ฉบับเต็ม) ภาษาอังกฤษ

6หลังจากเสร็จสิ้นการกำหนดค่าแล้ว ให้คลิก [OK] แล้วออกจากเว็บเบราว์เซอร์

หากการลงทะเบียนข้อมูลผู้ใช้ไม่เสร็จสมบูรณ์ ให้ลงทะเบียนผู้ใช้ใน Address Book และระบุ User Code

การตั้งค่า Basic Authentication

ใช้ Web Image Monitor และบันทึกค่าเริ่มต้นของฟังก์ชันต่างๆ ที่ผู้ใช้แต่ละรายสามารถใช้งานได้

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครื่องจาก Web Image Monitor

2คลิก [Configuration] จากเมนู [Device Management]

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

3คลิก [User Authentication Management] ในหมวดหมู่ "Device Settings"

4เลือก [Basic Authentication] ใน "User Authentication Management"

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

5ระบุระดับความปลอดภัยและฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้

6หลังจากเสร็จสิ้นการกำหนดค่าแล้ว ให้คลิก [OK] แล้วออกจากเว็บเบราว์เซอร์

หากการบันทึกข้อมูลผู้ใช้ไม่เสร็จสมบูรณ์ ให้บันทึกผู้ใช้ใน Address Book และระบุข้อมูลการเข้าสู่ระบบ

หมายเหตุ

  • สามารถใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อยืนยันตัวตนผู้ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ SMTP หรือ LDAP หรือเพื่อรับรองความถูกต้องโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกันได้

  • ใช้ชื่อผู้ใช้แทนคำว่า "other", "admin", "supervisor" หรือ "HIDE***" (ใส่ชุดตัวอักษรลงใน "***") คุณจะไม่สามารถใช้ชื่อผู้ใช้เหล่านี้เพื่อยืนยันตัวตนได้ เนื่องจากในระบบมีการใช้ชื่อเหล่านี้อยู่แล้ว

การตั้งค่า Windows Authentication

ใช้ Web Image Monitor และบันทึกข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการยืนยันตัวตนใน Windows Server

สิ่งสำคัญ

  • ตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์ Windows และติดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ (IIS) และ Active Directory Certificate Service ในเซิร์ฟเวอร์ Windows ไว้ล่วงหน้า

  • การเตรียมเซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้

  • ในการใช้การยืนยันตัวตนผ่าน Kerberos ในเซิร์ฟเวอร์ ให้ลงทะเบียน Realm ไว้ล่วงหน้าเพื่อกำหนดพื้นที่เครือข่าย

  • "การตั้งโปรแกรม Realm", คู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่อง (ฉบับเต็ม) ภาษาอังกฤษ

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครื่องจาก Web Image Monitor

2คลิก [Configuration] จากเมนู [Device Management]

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

3คลิก [User Authentication Management] ในหมวดหมู่ "Device Settings"

4เลือก [Windows Authentication] ใน "User Authentication Management"

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

5ระบุระดับความปลอดภัย ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการยืนยันตัวตน และฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้

  • Printer Job Authentication

    เลือกระดับความปลอดภัยสำหรับงานพิมพ์โดยใช้ไดรฟ์เวอร์เครื่องพิมพ์

    การพิมพ์งานด้วยข้อมูลการยืนยันตัวตนเท่านั้น

  • SSL

    หากต้องการเข้ารหัสสัญญาณการติดต่อสื่อสาร ให้คลิก [On]

  • Kerberos Authentication

    หากต้องการเปิดใช้งาน Kerberos Authentication ให้คลิก [On]

  • Domain Name

    หากต้องการปิดใช้งาน Kerberos Authentication ให้ป้อนชื่อโดเมนเพื่อยืนยันตัวตน

  • Realm Name

    หากต้องการเปิดใช้งาน Kerberos Authentication ให้เลือก Realm Name เพื่อยืนยันตัวตน

  • Group Settings for Windows Authentication

    หากบันทึกกลุ่ม Global แล้ว คุณสามารถระบุฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้สำหรับกลุ่ม Global แต่ละกลุ่ม* ป้อนชื่อเดียวกันกับที่บันทึกในเซิฟเวอร์ใน "*กลุ่มเริ่มต้น" เพื่อระบุฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้

    ผู้ใช้ที่ถูกบันทึกอยู่ในหลายกลุ่มจะสามารถใช้ฟังก์ชันทั้งหมดที่มีให้สำหรับกลุ่มเหล่านั้น

    ผู้ใช้ที่ไม่ได้ถูกบันทึกในกลุ่มใดๆ สามารถใช้สิทธิ์ที่ระบุไว้ใน "*กลุ่มเริ่มต้น" ได้ ตามค่าเริ่มต้น สมาชิกกลุ่มเริ่มต้นสามารถใช้งานฟังก์ชันทั้งหมดได้

  • Available Functions

    ระบุฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้สำหรับแต่ละกลุ่ม

6หลังจากเสร็จสิ้นการกำหนดค่าแล้ว ให้คลิก [OK] แล้วออกจากเว็บเบราว์เซอร์

หมายเหตุ

  • สำหรับตัวอักษรที่สามารถใช้ได้สำหรับชื่อผู้ใช้เข้าระบบและรหัสผ่าน ให้ดูที่ส่วนด้านล่าง:

  • การเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ

  • การเข้าใช้เครื่องในภายหลัง คุณสามารถใช้ฟังก์ชันทั้งหมดที่มีสำหรับกลุ่มของคุณและในฐานะที่คุณเป็นผู้ใช้งานรายบุคคล

  • ผู้ใช้ที่ถูกบันทึกอยู่ในหลายกลุ่มจะสามารถใช้ฟังก์ชันทั้งหมดที่มีให้สำหรับกลุ่มเหล่านั้น

  • ภายใต้ระบบยืนยันตัวตนผ่าน Windows คุณไม่จำเป็นต้องสร้างใบรับรองเซิร์ฟเวอร์เลย เว้นแต่คุณต้องการลงทะเบียนข้อมูลผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เช่น ชื่อผู้ใช้ที่ใช้ระบบ SSL

การตั้งค่า LDAP Authentication

ใช้ Web Image Monitor และบันทึกข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการยืนยันตัวตนในเซิฟเวอร์ LDAP

สิ่งสำคัญ

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครื่องจาก Web Image Monitor

2คลิก [Configuration] จากเมนู [Device Management]

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

3คลิก [User Authentication Management] ในหมวดหมู่ "Device Settings"

4เลือก [LDAP Authentication] ใน "User Authentication Management"

ภาพประกอบหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์

5ระบุระดับความปลอดภัย ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการยืนยันตัวตน และฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้

  • Printer Job Authentication

    เลือกระดับความปลอดภัยสำหรับงานพิมพ์โดยใช้ไดรฟ์เวอร์เครื่องพิมพ์

    การพิมพ์งานด้วยข้อมูลการยืนยันตัวตนเท่านั้น

  • LDAP Authentication

    เลือกเซิฟเวอร์ LDAP เพื่อยืนยันตัวตน

  • Login Name Attribute

    ใช้ข้อมูลนี้เพื่อเป็นเกณฑ์การค้นหาสำหรับการรับข้อมูลผู้ใช้ สร้างตัวกรองการค้นหาตามแอตทริบิวต์ของชื่อสำหรับเข้าสู่ระบบ เลือกผู้ใช้งาน จากนั้นดึงข้อมูลผู้ใช้จากเซิร์ฟเวอร์ LDAP เพื่อโอนไปยัง Address Book ของเครื่อง

    เมื่อแยกแอตทริบิวต์การเข้าสู่ระบบหลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) การค้นหาจะส่งคืนผลลัพธ์โดยป้อนชื่อเข้าสู่ระบบสำหรับแอตทริบิวต์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง

    นอกจากนี้โดยการป้อนชื่อเข้าสู่ระบบสองชื่อที่คั่นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=) (ตัวอย่างเช่น: cn = abcde, uid = xyz) การค้นหาจะส่งคืนผลลัพธ์เฉพาะสำหรับแอตทริบิวต์ของชื่อเข้าสู่ระบบทั้งสองที่สอดคล้องเท่านั้น ฟังก์ชันการค้นหานี้สามารถใช้งานได้เมื่อมีการระบุการยืนยันตัวตนผ่าน Cleartext

  • Unique Attribute

    ระบุข้อมูลนี้เพื่อจับคู่ข้อมูลผู้ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ LDAP กับข้อมูลผู้ใช้ที่อยู่ในเครื่อง ผู้ใช้ที่มีแอตทริบิวต์เฉพาะที่ลงทะเบียนในเซิร์ฟเวอร์ LDAP ตรงกับที่ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในเครื่องจะถือว่าเป็นผู้ใช้เดียวกันในเครื่อง ระบุแอตทริบิวต์ที่ใช้สำหรับข้อมูลเฉพาะในเซิร์ฟเวอร์เป็นแอตทริบิวต์เฉพาะ สามารถป้อน "cn" หรือ "employeeNumber" เพื่อใช้เป็น "serialNumber" หรือ "uid" ตราบใดที่ไม่ซ้ำกัน

  • Available Functions

    ระบุฟังก์ชันที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้

6หลังจากเสร็จสิ้นการกำหนดค่าแล้ว ให้คลิก [OK] แล้วออกจากเว็บเบราว์เซอร์

หมายเหตุ

  • สำหรับตัวอักษรที่สามารถใช้ได้สำหรับชื่อผู้ใช้เข้าระบบและรหัสผ่าน ให้ดูที่ส่วนด้านล่าง:

  • การเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ

  • สำหรับโหมดยืนยันตัวตนผ่าน LDAP อย่างง่าย ระบบยืนยันตัวตนจะไม่สามารถถทำงานได้หากรหัสผ่านดังกล่าวเป็นช่องว่าง หกต้องการใช้รหัสผ่านที่เป็นช่องว่าง โปรดติดต่อตัวแทนผู้ให้บริการของคุณ