คู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่อง (User Guide)IM 350/430 series

การตั้งค่าการยืนยันตัวตนของผู้ใช้

การยืนยันตัวตนของผู้ใช้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ User Code authentication, Basic authentication, Windows authentication และ LDAP authentication หากต้องการเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ โปรดเลือกวิธีการยืนยันตัวตนบนแผงควบคุม จากนั้นทำการตั้งค่าระบบตามต้องการ โดยการตั้งค่าจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการยืนยันตัวตน กำหนดข้อมูลการยืนยันตัวตนของผู้ดูแลระบบ จากนั้นกำหนดข้อมูลการยืนยันตัวตนของผู้ใช้

สิ่งสำคัญ

  • หากไม่สามารถเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้ได้เนื่องจากเกิดปัญหาเกี่ยวกับฮาร์ดดิสก์หรือเครือข่าย สามารถใช้สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบเพื่อเข้าใช้งานเครื่อง และปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้ได้ โดยควรใช้วิธีนี้ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้งานเครื่องอย่างเร่งด่วน

  • ไม่สามารถใช้วิธีการยืนยันตัวตนหลายวิธีพร้อมกันได้

ขั้นตอนการกำหนดค่าของ User authentication

ขั้นตอนการกำหนดค่า

รายละเอียด

การกำหนดค่าระบบยืนยันตัวตนสำหรับผู้ดูแลระบบ

การกำหนดสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ

กำลังลงทะเบียนและเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลระบบ

การกำหนดค่าระบบยืนยันตัวตนสำหรับผู้ใช้

กำหนดข้อมูลการยืนยันตัวตนของผู้ใช้

ระบบการยืนยันตัวตนของผู้ใช้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท:

วิธีการยืนยันตัวตนของผู้ใช้

ประเภท

รายละเอียด

User Code authentication

ยืนยันตัวตนโดยใช้ User Code 8 หลัก การยืนยันตัวตนจะใช้กับแต่ละ User Code ไม่ได้ใช้กับผู้ใช้แต่ละคน

โดยจำเป็นต้องเพิ่ม User Code ลงใน Address Book ของเครื่องก่อนที่จะใช้งาน

Basic authentication

ยืนยันตัวตนโดยใช้ Address Book ของเครื่อง

โดยจำเป็นต้องเพิ่มผู้ใช้ใน Address Book ของเครื่องก่อนที่จะใช้งาน

การยืนยันตัวตนสามารถใช้ได้กับผู้ใช้แต่ละคน

Windows authentication

ยืนยันตัวตนโดยใช้ระบบควบคุมโดเมนของเซิร์ฟเวอร์ Windows ที่อยู่บนเครือข่ายเดียวกันกับเครื่อง

การยืนยันตัวตนสามารถใช้ได้กับผู้ใช้แต่ละคน

LDAP authentication

ยืนยันตัวตนโดยใช้เซิร์ฟเวอร์ LDAP ที่อยู่บนเครือข่ายเดียวกันกับเครื่อง

การยืนยันตัวตนสามารถใช้ได้กับผู้ใช้แต่ละคน

อีเมลแอดเดรสของผู้ใช้ที่ได้รับจากระบบการยืนยันตัวตนผ่าน Windows หรือ LDAP จะสามารถนำไปใช้เป็นแอดเดรสของผู้ส่ง ("From") เมื่อส่งอีเมลในโหมด Scanner หรือส่งต่อแฟกซ์ที่ได้รับได้ เพื่อเป็นการป้องกันการปลอม ID

กรณีมีการสลับวิธีการยืนยันตัวตนของผู้ใช้

  • บัญชี User Code ที่มีไม่เกิน 8 หลัก ซึ่งใช้สำหรับยืนยันตัวตนด้วย User Code สามารถใช้เป็นชื่อล็อกอินผู้ใช้ได้ แม้ว่าจะมีการสลับจากการใช้งาน User Code authentication ไปเป็น Basic authentication, Windows authentication หรือ LDAP authentication ก็ตาม ในกรณีนี้ ระบบจะตั้งค่าให้รหัสผ่านเป็นช่องว่าง เนื่องจากการยืนยันตัวตนด้วย User Code จะไม่มีการใช้รหัสผ่าน

  • หากสลับการใช้งานการยืนยันตัวตนไปใช้วิธีการยืนยันตัวตนอื่นๆ จากภายนอก (Windows authentication หรือ LDAP authentication) จะไม่สามารถเปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนได้ หากอุปกรณ์ที่มีระบบยืนยันตัวตนจากภายนอกนั้นไม่มีข้อมูลบัญชี User Code บันทึกไว้ อย่างไรก็ตาม บัญชี User Code จะถูกเก็บบันทึกไว้ใน Address Book ของเครื่องแม้ว่าจะเกิดข้อผิดพลาดในการยืนยันตัวตนขึ้นก็ตาม

  • เพื่อความปลอดภัย หากมีการสลับจากระบบยืนยันตัวตนด้วย User Code ไปเป็นวิธีการยืนยันตัวตนแบบอื่น ควรลบบัญชีที่ไม่ได้ใช้งานหรือตั้งรหัสผ่านสำหรับการล็อกอิน ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการลบบัญชีผู้ใช้ได้ที่หัวข้อ "การชาร์จหรือลบรหัสผู้ใช้" ใน "ผู้ใช้งานครั้งแรก" สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนรหัสผ่าน โปรดดูที่การกำหนดชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับล็อกอิน

หมายเหตุ

  • หลังจากเปิดเครื่องเรียบร้อยแล้ว ระบบอาจไม่แสดงคุณลักษณะเพิ่มเติมไว้ในรายการของระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้ ในหน้าจอ User Authentication Management ในกรณีนี้ ให้รอสักครู่แล้วเปิดหน้าจอ User Authentication Management ใหม่อีกครั้ง

  • นอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย (ใช้ Web Image Monitor ที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์) สำหรับรายละเอียด โปรดดูวิธีใช้ (Help) ของ Web Image Monitor